APPLICATION ตรวจการได้ยิน
คลินิก เอียร์โทน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
สาระน่ารู้
จุฬาฯ เปิดตัวแอปฯ Eartest by Eartone ตรวจการได้ยินสาเหตุเสี่ยงสมองเสื่อม ด้วยความร่วมมือการวิจัยระหว่างไทย – อังกฤษ
เมื่อเริ่มก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ สิ่งที่ตามมาคือสังคมมีภาวะสมองเสื่อมเพิ่มมากขึ้น วิทยาการความก้าวหน้าทางด้านการแพทย์และนวัตกรรม ด้วยความร่วมมือระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และ University College London (UCL) ประเทศอังกฤษ ได้พัฒนา Application ตรวจการได้ยินด้วยคำพูด ทำให้สามารถบ่งชี้ได้ว่าผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสมองเสื่อมหรือไม่ ช่วยป้องกันและชะลอภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุซึ่งยังไม่สามารถรักษาให้หายได้
“ความร่วมมือในการสร้าง Application ตรวจการได้ยินด้วยคำพูด ฉบับภาษาไทย ทำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสามารถตรวจคัดกรองด้วยตัวเองเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงสมองเสื่อมที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างระบบการดูแลผู้สูงอายุที่อาจเกิดสมองเสื่อมในอนาคต ร่วมกับศาสตร์แห่งการวิจัย ทำให้สามารถถ่ายทอดความรู้ไปสู่ชุมชน และเชื่อมต่อองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากจุฬาฯ สู่การนำไปใช้งานจริงในอนาคตต่อไป” ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวไว้
ผศ.ดร.ยุทธนา รุ่งธรรมสกุล
Prof. Dr. Stuart Rosen ศาสตราจารย์ด้านภาษาศาสตร์ จาก University College London (UCL) ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า ภาษาไทยมีลักษณะเฉพาะโทนเสียงวรรณยุกต์ซึ่งแปรผันตามระดับเสียงทำให้เกิดความหมายที่แตกต่างกัน ความร่วมมือระหว่างประเทศในโครงการนี้กับนักวิจัยจากจุฬาฯ เกิดจากความสนใจในหัวข้อวิจัยที่มีเป้าหมายและวิสัยทัศน์ร่วมกันในการพัฒนาการตรวจประเมินทั้งในผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ผู้สูงอายุ และผู้ที่อาจจะมีภาวะสมองเสื่อม โดยใช้เทคนิคจำลองภาพเสมือนจริง (Virtual Reality) เพื่อทำให้เกิดการประเมินที่สมจริงมากยิ่งขึ้นของสมรรถภาพการได้ยินและทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดซึ่งสามารถนำไปใช้งานจริงได้ในหลายประเทศ ก่อให้เกิดการเรียนรู้แลกเปลี่ยนความเข้าใจในสาขาวิทยาศาสตร์การพูดมากขึ้น
แอปพลิเคชันสำหรับตรวจการได้ยินด้วยคำพูดภาษาไทยเพื่อบ่งชี้ความเสี่ยงสมองเสื่อม เปิดให้ผู้สูงอายุและประชาชนทั่วไปสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งในระบบ IOS และ Android ในชื่อว่า “Eartest by Eartone”
ที่มาข่าว : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย https://www.chula.ac.th/news/